เมื่อวานนี้ ไปฟัง presentation ของนิสิตจุฬา ที่นำ Lynn Loaf ไปใช้เป็น case ในการทำโปรเจค Brand Identity ในเนื้องานที่หลาน ๆ ทำส่งอาจารย์ จะเป็นการออกแบบโลโก้ หีบห่อ นามบัตร คุณลักษณะของแบรนด์ การทำการตลาดสื่อสารกับลูกค้า ฯลฯ
มีเรื่องนึงที่น่าสนใจ ทำให้เราได้เห็นชัดขึ้นเกี่ยวมุมมองของคนอื่นต่อ Lynn Loaf หลาน ๆ เค้าเน้นถึง ความโปร่งใส ความไว้วางใจที่ลูกค้าให้กับเรา และ การมีเรื่องราวส่วนตัว จนกลายแบรนด์ที่มี “Story” (จริง ๆ ก็เคยได้ยินมาบ้าง)
จริง ๆ หนทางอาชีพนี้ สำหรับเรามันก็ยากนะ 3 ปีมาแล้ว ถ้ามองในแง่ของตัวเงิน มันยังไม่มีให้เห็นหรอก แต่เราได้สิ่งอื่นที่นับเป็นตัวเงินไม่ได้ ขอบคุณในหลายเรื่องจากสิ่งที่ทำมาในอดีตและแง่มุมชีวิตที่เปลี่ยนไป ทำให้ครอบครัวเราเลือกที่จะทำบางอย่างและไม่ทำบางอย่างได้ สิ่งเหล่านี้รวม ๆ กันมั้ง โดยที่ไม่ได้ตั้งใจสร้างแต่ก็ทำให้ Lynn Loaf มีเรื่องราวขึ้นมา
อีกเรื่องคือที่อาจารย์แนะนำ คือ สโลแกน หลาน ๆ เค้าเลือกใช้สโลแกนเดิม คือ Taste of the real whole grain breads อาจารย์บอกว่า มันธรรมดาเกินไป เพราะ Lynn Loaf มีมากกว่านี้ที่จะสื่อให้ลูกค้าเห็นได้ ความตั้งใจ ความใส่ใจ ความเป็นตัวตนของแบรนด์ เราเข้าใจในจุดที่อาจารย์เน้นนะ
ณ เหตุปัจจัยตอนนั้นที่จะเริ่มต้นขายขนมปัง เราตั้งชื่อแบรนด์และสโลแกน เพียงแค่ต้องการบอกลูกค้าว่าขนมปังโฮลเกรนจริง ๆ คือรสชาติแบบนี้ โดยไม่ใช้คำชี้นำว่า best,soft,delicious อะไรทำนองนี้ ให้ลองมาชิมดูแล้วให้ลูกค้าตัดสินเอง อาจจะชอบหรือไม่ชอบก็ได้ แต่สิ่งที่พวกเราตั้งใจทำสะสมมาก็ช่วย ให้ Lynn Loaf มีอะไร “เพิ่มขึ้น” ที่บอกกับลูกค้าได้ (ต้องขอบคุณเพื่อนและสามีเพื่อนที่ให้คำแนะนำเรื่องแบรนด์ในตอนนั้นด้วย)
ณ ปัจจุบัน เรามีโลโก้ใหม่รอไว้ relaunching แล้วหล่ะ เพราะตอนนี้ขนมปังเราไม่ได้เป็น 100% โฮลเกรนทั้งหมด จะใช้ของเดิมก็ยังไงอยู่ แต่จริง ๆ เราก็ยังคิดสโลแกนใหม่ไม่ออก มันยังหาอะไรที่เหมาะสมไม่ได้ เลยวางไว้เป็นช่องว่างในหัวมาพักใหญ่ พอได้ฟังคำแนะนำของอาจารย์เมื่อวานก็เริ่มมีคำบางคำผลุดออกมา
ตลกดี … หลาน ๆ บอกอีกเรื่องว่า เราใช้ภาษาไทยสื่อสารกับลูกค้า ส่วนใหญ่จะยาว ๆ แบบนี้แหล่ะ และ ลูกค้าก็อาจจะไม่ได้อ่าน เลยแนะนำให้ทำกราฟฟิกสรุปสั้น ๆ ในรูปภาพขนมปังด้วย